วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สูตรพอกหน้าลดสิว 6 สูตรขั้นเทพ !

Picture
สูตรพอกหน้าลดสิว 6 สูตรขั้นเทพ ! 

ปัญหาสิว ถึงแม้จะเป็นแค่เม็ดเล็ก ๆ บนใบหน้า แต่ก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิง ทำให้ใครหลายคนต้องคอยคิดหาวิธีจัดการด้วยการซื้อครีมแต้มสิวหรือแม้แต่ครีมบำรุงผิวราคาแพง ๆ มาใช้กัน แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ได้ผล บางรายถึงขั้นเป็นหนักกว่าเดิมซะอีก แล้วคราวนี้จะทำอย่างไรดี ? ไม่ต้องห่วงไปค่ะสาว ๆ เอาเป็นว่าก่อนที่จะเสียเงินกับการรักษาสิวไปมากกว่านี้ ลองหันมาทำสูตรพอกหน้าลดสิว6 สูตรเด็ด

 มะเขือเทศ และมะนาว
          นำมะเขือเทศประมาณ 1-2 ลูก ไปปั่นให้ละเอียด ผสมน้ำมะนาวลงไปครึ่งซีก คนให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียป้องกันการเกิดสิวใหม่ และช่วยทำให้สิวที่เป็นอยู่ยุบเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยดำรอยแดงจากสิวจางลงได้ง่ายอีกด้วย

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ

          สูตรนี้ง่ายมาก ๆ เลยค่ะสาว ๆ เพียงแค่นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่แช่เย็นแล้วมาพอกหน้า นวดเบา ๆ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด สูตรนี้สาว ๆ สามารถทำได้ทุกวันเลยนะคะ สิวผดหรือสิวเม็ดเล็ก ๆ จะค่อย ๆ หายไป และยังจะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียลดสาเหตุของการเกิดสิวได้อีกด้วย

ดินสอพอง ผงขมิ้นชัน และน้ำผึ้ง

          นำดินสอพองมาละลายกับน้ำสะอาดพอข้น ๆ จากนั้นผสมผงขมิ้นชันและน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยล้างออกให้สะอาด หลังพอกหน้าเสร็จจะรู้สึกว่าหน้านุ่มขึ้น นอกจากนี้ยังจะช่วยทำให้สิวอับเสบแห้งลงได้ง่าย แถมยังจะช่วยจัดการกับสิวผดที่มากวนใจได้อีกด้วยนะสาว ๆ

น้ำผึ้ง และมะนาว

          นำน้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด สูตรนี้ทำบ่อย ๆ จะช่วยผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้สิวแห้ง รอยสิวจางลงได้เร็ว และช่วยป้องกันสิวใหม่ที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังจะทำให้รูขุมขนเล็กลงอีกด้วย

มะขามเปียก และนมสด
          นำมะขามเปียกมาผสมกับนมสด พอให้ได้เนื้อข้น ๆ ไม่เหลวจนเกินไป จากนั้นให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด สูตรนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยลดสิวได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวผด สิวอุดตัน สิวเสี้ยน สิวหัวดำ หรือแม้แต่รอยสิวก็ยังจะช่วยให้ดูจางลงได้ง่าย ๆ

ไข่ขาว และน้ำมะนาว
          นำไข่มาตอกใส่ถ้วย จากนั้นแยกเอาไข่แดงออก (ใช้แต่ไข่ขาว) ผสมน้ำมะนาวลงไปประมาณ 1 ช้อนชา ตีให้เข้ากันจนเป็นฟอง แล้วให้นำสำลีแผ่นบาง ๆ มาชุบแล้วแปะลงไปบนใบหน้า ทิ้งไว้จนไข่ขาวเริ่มแห้ง แล้วค่อย ๆ ลอกแผ่นสำลีออก จากนั้นให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นตามด้วยน้ำเย็นให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยกระชับรูขุมขน ลดสิวเสี้ยน สิวหัวดำ และช่วยให้หน้ามันน้อยลงได้ด้วย

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

10 เคล็ดลับผมสวย

Picture

10 เคล็ดลับผมสวย

คนส่วนมากมักมามีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง ซึ่งมีสาเหตุมากมาย เช่น ผมร่วงเฉพาะ ผมบางแบบกรรมพันธุ์ ผมร่วงจากความเครียด เป็นต้น ซึ่งการรักษาส่วนมากต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และระหว่างนี้ คนเหล่านี้ก็มักจะถามว่าควรดูแลสุขภาพผมให้ดีได้อย่างไร? เราจึงรวบรวมเคล็ดลับการดูแลผมซึ่งสามารถใช้ได้กับผมปกติ เพื่อที่เส้นผมเหล่านี้จะอยู่กับคุณต่อไปได้นานๆ

อย่ายุ่งกับผมมากนัก 

เวลาที่คุณไปร้านทำผมนั้น ช่างทำผมมักแนะนำให้ทำผมต่างๆ มากมายนอกจากการสระหรือตัดผม เช่น ย้อม ดัด หมัก และในปัจจุบันมีการทำสปาหนังศีรษะและผมอีก ซึ่งผมมักแนะนำว่าให้ทำได้ แต่อย่าทำบ่อยเกินไป อย่าลืมว่าผมของคุณนั้นเป็นส่วนที่ตายแล้ว ถ้าคุณไปดัดหรือย้อมผมมากเกินไป จนเสียแตกหรือหักแล้วก็ไม่สามารถจะซ่อมแซมได้

เลือกหวี (comb) ที่ดี

สิ่งที่ทำอันตรายต่อเส้นผม หรือหนังศีรษะที่สำคัญประการหนึ่งคือ การหวีผม เพราะเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องทำเป็นประจำทุกวัน ก่อนอื่นควรเลือกหวีที่มีฟันกว้างพอสมควร เพราะถ้าคุณเลือกหวีที่ฟันแคบไป ก็จะเป็นอันตรายต่อเส้นผมหรือหนังศีรษะได้ และถ้าสามารถเลือกหวีที่มีสารเทฟลอน (Teflon) เคลือบไว้ที่ฟันด้วยก็จะช่วยลดแรงเสียดทานต่างๆ ได้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่าต้องหวีผมให้ได้ถึงวันละ 100 หน เพื่อให้ผมมีสุขภาพที่ดี เป็นความเชื่อที่ผิดนะครับ เพราะถ้าคุณหวีวันละ 100 หนเป็นเวลานานๆ ผมจะร่วงมากกว่าครับ เพราะเป็นการทำอันตรายต่อเส้นผมและหนังศีรษะ โดยทั่วไปผมแนะนำให้หวีวันละ 5-10 ครั้งก็พอแล้ว

เลือกแปรง (brush) ที่ดี

ลักษณะของแปรงผมที่ดี ควรมีตัวฟันแปรงห่างกันพอสมควร และทำด้วยพลาสติกที่มีปลายเป็นจุดบอลเล็กๆ ติดอยู่เพื่อลดโอกาสที่จะขีดข่วน ทำอันตรายต่อหนังศีรษะของคุณ ปัจจุบันแปรงที่กำลังนิยมกันมาก คือแปรงที่ทำจากไม้ซี่เล็กๆ มีปลายค่อนข้างแหลม เพราะเชื่อว่าเป็นผลิตธรรมชาติที่ดี ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดครับ วิธีง่ายๆ ในการเลือกซื้อ ก็คือลองแปรงผมของคุณ ถ้าคุณรู้สึกเจ็บหรือปวด ก็แสดงว่าแปรงนั้นไม่เหมาะกับหนังศีรษะของคุณ

อย่าหวีผมตอนผมเปียก

เวลาหลังสระผมนั้นผมมักจะเปียกและพันกัน คนส่วนมากมักจะหวีหรือแปรงผมเพื่อที่จะให้ผมดูดี แต่เวลาที่ผมเปียกนั้นเป็นช่วงที่เส้นผมจะอ่อนแอมาก ไม่ควรไปทำอะไรกับเส้นผมช่วงนั้นมาก อาจจะใช้นิ้วมือช่วยสางผมจากโคนผมถึงปลายผม และเมื่อเวลาที่ผมเกือบแห้งแล้ว จึงค่อยใช้หวีหรือแปรงผมจะดีกว่า

ไม่ควรเป่าผมด้วยความร้อน

คนส่วนใหญ่นิยมเป่าผมให้แห้งโดยใช้ความร้อนสูง โดยใช้เครื่องเป่าผมที่บ้านหรือใช้ที่ครอบผม (hood) ในร้านทำผม ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เพราะความร้อนจะสลายเส้นผมได้ และทำให้น้ำในเส้นผมระเหยออกอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิด "bubble hair" ซึ่งจะทำให้เส้นผมแตกหักได้ ความจริงแล้วควรใช้ที่เป่าผมให้ลมออกมาในอุณหภูมิปกติ (แต่ผู้ใช้ส่วนมากมักไม่ชอบ) ผมจึงแนะนำให้ใช้ความร้อนน้อยที่สุดก็แล้วกัน

อย่าแกะหรือเกาหนังศีรษะ

ในคนที่มีรังแคหรือผิวหนังอักเสบที่ศีรษะ บางคนจะมีอาการคันที่หนังศีรษะร่วมด้วย และมักจะคอยแกะหรือเกาทำให้ผมร่วงได้ ซึ่งบางทีจะรักษายากกว่าอาการรังแคเองเสียอีก ถ้าคุณมีรังแคหรือคันศีรษะมาก ควรพบแพทย์ผิวหนังดีกว่า เพราะอาจจำเป็นต้องใช้โลชั่นในกลุ่มของสเตียรอยด์ ร่วมกับแชมพูยาสระผม และในรายที่มีอาการคันมากอาจต้องใช้ยา antihistamine ชนิดรับประทานเพื่อช่วยอาการคันในช่วงแรก

ลองใช้ conditioning shampoo ดู

ส่วนมากคนที่มาหาหมอผิวหนังนั้น มักมีผมที่เสียมากพอสมควร การใช้แชมพูที่ผสมครีมนวดผม (conditioner) จะช่วยได้ แต่หมอผิวหนังก็มักแนะนำให้ใช้แยกกัน โดยใช้ครีมนวดผม (conditioner) ตามหลังแชมพู

ควรใช้ instant conditioner ตามหลังการสระผม

instant conditioner ก็คือ conditioner ที่ใช้ทันทีหลังสระผม ซึ่งพวกนี้ระยะหลังๆ มักมีสารซิลิโคน (silicon) ประกอบด้วย การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ จะช่วยให้สภาพเส้นผมดีขึ้นได้ไม่มากก็น้อย

ลองใช้ deep conditioner อาทิตย์ละหน

การ ใช้ deep conditioner จะเหมาะกับผมที่ได้รับการดัด ย้อม หรือทำเป็นเส้นตรง โดยการหมักไว้ประมาณ 20-30 นาที ซึ่งมี 2 ชนิด คือ ชนิดน้ำมัน (oil) หรือโปรตีน (protein) โดยมากผมมักแนะนำให้ใช้แบบโปรตีน เพราะใช้ได้ทุกสภาพเส้นผม ส่วนชนิดน้ำมันเหมาะกับผมหยักศกที่ยืดเป็นผมเส้นตรง

ตัดผมเสียที่ปลายผมออกไป

คนส่วนมากมักไม่ค่อยอยากตัดผมที่เสียบริเวณปลายผมทิ้ง เพราะอยากเก็บผมไว้นานๆ แต่หมอผิวหนังมักแนะนำให้ตัดเล็มออกไป เพราะผมที่เสียแล้วไม่มีประโยชน์ แถมยังทำให้ผมฟูฟ่องจัดทรงได้ยากอีกด้วย   

ลดน้ำหนักแล้วดื่มกาแฟได้ไหม

Picture
ลดน้ำหนักแล้วดื่มกาแฟได้ไหม

หลายคนสงสัย ว่าคนกำลังลดน้ำหนักหรือกำลังอยากจะลด คุณคงทราบดีว่าจะต้องหลีกเลี่ยงหรือจำกัดปริมาณอาหารประเภทข้าว แป้ง น้ำตาล และไขมันให้น้อยลง แต่สิ่งหนึ่งที่คุณขาดไม่ได้และต้องทานเป็นประจำทุกวันอย่างกาแฟ จะให้เลิกกินไปเลยมันก็คงจะรู้สึกแปลกๆอยู่

จริงๆแล้วการดื่มแต่กาแฟโดยไม่เติมอะไรเพิ่มไม่ทำให้คุณอ้วนขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ เพราะในกาแฟดำ 1 ถ้วยให้พลังงานเพียง 2-5 กิโลแคลอรี่เท่านั้นเอง หรือบางทีอาจจะไม่ให้พลังงานเลยด้วยซ้ำ แต่การเติมส่วนผสมอื่นๆลงไปต่างหากที่ทำให้กาแฟถ้วยนั้นกลายเป็นของต้องห้ามสำหรับการลดน้ำหนัก

หากเราหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณการเติมเครื่องปรุงที่ให้พลังงานสูงอย่างนม น้ำตาล ครีมเทียม หรือวิปปิ้งครีมลงไป การดื่มกาแฟในช่วงลดน้ำหนักก็ไม่ใช่สิ่งต้องห้ามค่ะ และถ้าหากเป็นกาแฟแบบซองสำเร็จรูปก็ต้องใส่ใจกับฉลากข้างซองนิดนึงนะคะว่าแต่ละยี่ห้อนั้นให้พลังงานเท่าไหร่บ้าง

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิธีดูแลผิวไม่ให้หน้าแก่


วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

​20 วิธีทำให้แฟนรักแฟนแฟนหลง

Picture

20 วิธีทำให้แฟนรักแฟนแฟนหลง 

1. อย่าเขินที่จะบอกรัก

2 จดจำรายละเอียดของเขาหรือเธอ เช่น ชอบทานอะไร ชอบฟังเพลงแนวไหน กิจกรรมสุดโปรดคืออะไร แล้วหยิบยื่นสิ่งเหล่านี้ให้เธอหรือเขา เสมอ ๆ

3. โรแมนติกให้ถูกที่ ถูกเวลา เรื่องโรแมนซ์ ใครจะไม่ชอบ แต่บางทีก็ต้องถูกกาลเทศะด้วยถ้าขืนกระโดดหอมแก้มแฟนกลางสยาม ใครล่ะจะไม่โกรธ!!! ลองหาสถานที่เหมาะๆ ดีกว่ามั้ย

4. ให้เกียรติกันและกันเสมอ

5. อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความรัก นึกถึงเรื่องดี ๆ ที่เขาเคยทำให้เราแล้วจะช่วยให้ความโกรธหรืออารมณ์ชั่ววูบเบาบางลง

6. เมื่อมีปัญหาควรใช้เหตุผลในการพูดคุย ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่คนสองคนต้องมีเรื่องขัดแย้งแต่ถ้าทั้งคู่พร้อมที่ จะปรับตัวเข้าหากัน ปัญหาทั้งหลายจะกลายเป็นเรื่องขี้ผง

7. ปล่อยให้ อีกฝ่าย มีเวลาเป็นของตัวเอง การเกาะติดแจมีแต่จะทำให้ความรักจืดจางได้ง่ายปล่อยให้เขาไปเที่ยวกับเพื่อน บ้าง หรือพยายามให้ตัวเองมีโลกส่วนตัวบ้างจะได้ไม่อึดอัด

8. พูดกันตรงๆ แต่เลือกใช้คำที่ไม่ทำร้ายจิตใจ

9. มีขอบเขตในการปรับตัว แน่นอนที่ทั้งเราและเขาต่างต้องปรับตัวเข้าหากัน แต่ก็ควรมีลิมิตด้วยไม่ใช่ยอมเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบที่เขาต้องการทุกอย่าง จนไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองไม่มีใครสามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่นได้ นานหรอก

10. ห้ามโกหก ข้อนี้สำคัญมาก เพราะจะไม่สามารถเชื่อใจกันได้อีก

11. อย่าคาดคั้นหาคำตอบหากอีกฝ่ายยังไม่พร้อม บางครั้งการที่เราดึงดันจะรู้ให้ได้เดี๋ยวนั้นเลยว่าทำไม่? เพราะอะไร ? จะเอายังไง? เป็นการกดดันอีกฝ่ายอย่างไม่มีประโยชน์ หากเราและเขาอยู่ในสถานการณ์ ตึงเครียด ลองถอยออกมา 1 ก้าว ทำใจให้สงบ รอจนกว่าเขาพร้อม แล้วค่อยคุยเรื่องนี้กันใหม่ก็ยังไม่สาย

12. ดูแลตัวเองให้เก๋กู๊ดอยู่เสมอ เขาจะได้ไม่มองคนอื่นไง

13. ไม่ควรคาดหวังกับความรัก บอกแล้วว่าความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกของคนสองคนล้วน ๆ จึงเอาแน่เอานอนไม่ได้ อย่าคาดหวังว่าเขาจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ จะทำนั่นทำนี้ให้เรา เพราะถ้าผิดหวังจะเสียใจทั้งสองฝ่าย ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า

14. ห้ามหลุดคำหยาบ ต่อให้ทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนก็ไม่ควรด่าทอกันเสีย ๆ หาย ๆ มีแต่จะทำให้เข้าหน้ากันไม่ติด

15. ซื่อสัตย์และไว้ใจกัน สองอย่างนี้จะทำให้คุณสองคน เป็นคู่ที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก

16. หาสิ่งของที่ต้องดูแลร่วมกัน เช่น สัตว์เลี้ยง หรือ ต้นไม้ หรือกิจการเล็กๆ น่ารัก ๆ เพื่อสร้างความผูกพันระหว่างคนสองคน

17. ให้โอกาสอีกฝ่ายในการแก้ไขข้อผิดพลาด ทีคนอื่นเรายังให้อภัยเขาได้และกับคนที่เรารัก เรายิ่งต้องให้อภัยและให้โอกาสเขา แต่ควรระวัง ไม่ว่าใครก็ตาม เราไม่ควรให้โอกาสเขาเกิน 3ครั้ง

18. อย่าอายที่จะขอโทษ

19. หากิจกรรมที่สร้างสรรค์ทำร่วมกันบ้าง เช่น ชวนกันเล่นแบดมินตัน ไปดูงานศิลปะ ด้วยกันบ่อยๆ นอกจากความรักจะสดใสแล้ว เรายังได้เจออะไรใหม่ๆ ในชีวิตอีกด้วย

20. นึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ อย่ามัวแต่คิดว่าทำไมเขาไม่เข้าใจเรา ??? มันไม่มีประโยชน์แถมยังทำให้เราขี้น้อยใจอย่างไม่มีเหตุผล